|
อย่าไปเลย บางกอก จะบอกให้
" พี่ๆ ได้เวลาวางดอกไม้แล้วนั่งคิดอะไรอยู่หรือครับ " ....เปล่าครับ ไม่มีอะไรผมคิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละครับ..... ชีวิตคนเรานี่ แปลกนะครับชั่วเวลาแค่อาทิตย์เดียวจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ตั้งแต่ผมคบกับเพื่อนคนนี้มากผมจำได้ว่าไม่เคยเห็นน้ำตาของเพื่อนผมคนนี้ แม้แต่หยด ไม่ว่ามัน จะถูกลูกปืนของคนร้าย หรือเจ็บแค่ไหนก็ตามผมไม่เคยเห็นมันเสียน้ำตาเลย ..แต่วันนี้วันเผาศพของ น้องนิ่ม น้องสาวมันผมเห็นมันน้ำตาของ ชาติชาย เพื่อนผมเป็นครั้งแรก เป็นน้ำตาแห่งความสูญเสีย เป็น ความสูญเสียที่ผมไม่มีวันที่จะเข้าใจเพราะว่าผมไม่มีน้องสาว ที่ฉลาด สวย และเป็นจะคุณหมอที่มีค่าต่อสังคมในอนาคต หลังจากงานเผาศพน้องนิ่มผ่านไปได้ สามวัน ผมได้รับคำถามที่ผม ไม่อยากได้ยินเลยเลยในชีวิต แต่ผมไม่ใช่พระพรหมผู้ลิขิต "ถ้าเด็ก ผู้หญิงที่สวยน่ารักแบบน้องกู ถูกคนเลว 4 คนฉุดไปข่มขืน มึงจะมีวิธียังไงในการเอาตัวรอด" ผมนั่งนิ่งไปอยู่หนึ่งอึดใจ และผมก็ตอบเหมือนเสียงกระซิบว่า ....ไม่รู้กูไม่รู้ ถ้าเป็นคนอย่างพวกเราคงไม่มีปัญหา แต่นี่เด็กผู้หญิงที่แสนจะซื่อบริสุทธิ์ กูตอบตรงๆ ว่ากูไม่รู้...... และนี่เป็นครั้งที่สองที่ผมเห็นน้ำตาเพื่อนผม เป็นน้ำตาที่ไม่มีเสียงสะอื้น เป็นน้ำตาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และเสียใจ หลังจากวันนั้นผมทราบสาเหตุการตายของน้องนิ่มจาก จาก น้องใจ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่เห็นรอยยิ้มของ น้องนิ่ม ก่อนที่จะเสียชีวิต น้องใจเล่าว่าเธอกับน้องนิ่มไปเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จู่ก็มีชายผู้หนึ่งเข้ามาทัก และบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าของพวกเราสมัยเรียนหนังสือที่สุพรรณ แต่พวกเราก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่ใช่แน่และไม่รู้จัก เพราะว่าเรามาจากอีกจังหวัดหนึ่ง มันก็เลยแนะนำตัวเองว่าเป็นช่างภาพและแมวมองของบริษัทหนังยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง พร้อมทั้งให้นามบัตรซึ่งมารู้ทีหลังๆ จากน้องนิ่มหายตัวไปว่าเป็นของปลอมที่มันพิมพ์เอง มันพยายามอวดอ้างต่างๆ นานาว่า มัน แนะนำ สาวๆเข้าวงการแสดงมาเยอะแยะ แถม แอบอ้างชื่อดาราดังๆให้พวกเราฟัง แต่พอเห็นว่าพวกเราก็ไม่สนใจจริงๆ มันก็เลยบอกว่าตอนนี้มันกำลังทำงานเพื่อการกุศลอยู่เป็น งานการกุศลเกี่ยวกับเด็กกำพร้า มันขอให้น้องนิ่มไปเป็นแบบถ่ายรูปให้มันหน่อย พร้อมทั้งอ้างว่าทำเพื่อเด็กกำพร้า มันบอกว่าถ้าไม่ไว้ใจมันให้พาเพื่อนไปหลายคนก็ได้ ปกติน้องนิ่มเป็นคนขี้สงสารอยู่แล้วก็เลยตอบตกลง แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้ น้องใจไปด้วยมันก็ตอบว่าไม่มีปัญหา พร้อมกับนัดให้พวกเราลงไปเจอมันที่หน้าห้างสรรพสินค้า หลังจากที่ถึงเวลานัด พวกเราลงไปเจอมันตามนัด แต่พอเราลงไป มันก็รออยู่แล้วพร้อมกับเรียกรถ Taxi ไว้พร้อมแล้ว จากนั้นมันก็พาเราไปแถวฟั่งธน ซึ่งน้องใจจำไม่ได้แน่ว่าที่ไหนเพราะว่ามันขับรถวงไปวนมาจนงงไปหมด จนมันพาเราเข้ามาในหมู่บ้าน ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่มากนัก สังเกตุได้เพราะว่าส่วนมากยังสร้างไม่เสร็จ Taxi ค่อยๆ แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงท่าทางแปลกๆ คือไม่ค่อยเหมือนผู้หญิง ออกมารอรับ มันอ้างว่าเป็นช่างแต่งหน้า มันบอกให้น้องนิ่มลงไปแต่งหน้าก่อน สำหรับน้องใจมันขอร้องให้ไปช่วยมันหิ้วอปุการณ์ถ่ายภาพ ที่ร้านใกล้ๆนี่เอง หลังจากนั้นมันก็พาน้องใจไปกับมันที่ห้างค้าส่งสินค้าแถวๆนั้น แต่มันก็อาศัยฝูงชนหลบหนีไปและทิ้งน้องใจเอาไว้ที่นั้น น้องใจมารู้ว่าถูกหลอกก็เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว หลังจากนั้นน้องใจไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ภาวนา ขออย่าให้เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นกับน้องนิ่มเลย แต่สิ่งที่น้องใจกลัวก็คือสิ่งที่เป็นความจริง สองวันต่อมาตำรวจพบศพของน้องนิ่มถูกฆ่าข่มขืน ดูจากร่องรอยการต่อสู้สันนิฐานว่า น้องนิ่มต้องต่อสู้กับคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน ก่อนที่จะถูกข่มขืนแล้วฆ่า โดยปรกติผมไม่ชอบเขียนเรื่องเศร้าแต่เรื่องนี้ผมขอยกเว้น เพราะว่าคงไม่ใช่น้องนิ่มคนเดียวที่เป็นเหยื่อให้ จิ้งจอกสังคมพวกนี้ ขอให้ชีวิตของน้องนิ่มอย่าเสียไปเปล่าๆ ขอให้พวกคุณจำคำว่าอย่า นี้เอาไว้ให้ดีนะครับ อย่า เชื่อคนง่ายๆ ถ้ามีผู้แอบอ้างต้องเช็คให้แน่ใจ อย่า คิดว่าจะได้อะไรมาง่ายๆในโลกนี้ จำไว้ว่าไม่มีของฟรีในโลกนี้ อย่า หลงงมงายกับคำแอบอ้างในเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นการทรงเจ้าเข้าผี อย่า ขี้สงสารจนเกินไปขอให้มีขอบเขตในการสงสาร อย่า ไว้ใจใคร คำพูดต่อไปนี้อาจรุนแรงก็แล้วแต่คุณจะคิดนะครับ ผมไม่สามารถที่จะลงไปถึงรายละเอียดของเท็คนิคการหลอกผู้หญิงได้ เพราะว่าเท่าที่ผมเขียนนี้ก็เป็นดาบสองคมพออยู่แล้ว ถ้าคุณอยากรู้วิธีป้องกันผมขอแนะนำให้คุณสุมหัวกับเพื่อนๆ แม่ พี่ ป้า น้า อา ช่วยกันคิดครับ ผู้หญิงเป็นเพศที่ฉลาดอยู่แล้วโดยเฉพาะผู้หญิงไทย แต่ในสังคมของเรา ไม่เคยสอนให้ผู้หญิงไทย ของเรารู้จักคิด แต่สอนให้เป็นผู้วิ่งตามความหวัง ความหวังที่จะสวย ความหวังที่จะรวย และกลัวคำว่าเชย ผมคิดว่าผู้หญิงไทยยุคนี้น่าจะเข้มแข็งกว่าผู้หญิงในสมัยรัตนโกสินนะครับ แต่ถ้าคุณโกรษที่ผมพูดตรงๆ แบบนี้ก็เชิญ Email เข้ามาด่าได้เลยครับ ผมยอมรับในความปากมากของผม
|